
อริสโตเติล (Aristotle)
ยอดนักคิดจากโลกโบราณ
ผู้นำสมองของโลกยุคก่อนคริสต์ศักราชส่งความคิดเนิ่นนานถึงพันปี
ผู้นำสมองของโลกยุคก่อนคริสต์ศักราชส่งความคิดเนิ่นนานถึงพันปี
อริสโตเติล คือ ผู้คิดค้นทฤษีมากมาย
และมีหลายทฤษีที่เปล่ยนมุมมองของความเชื่อดังเดิมจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย
ทีเดียว อาทิเช่น การเสนอทฤษีว่าโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล (Geocentrism)
กล่าวคือ โลกเป็นจุดศูนย์กลางของเอกภพ มีดาวเคราะห์
ดวงอาทิตย์โคจรอยู่รอบโลก เป็นต้น
นอกจากนี้ อริสโตเติลยังมีบทบาทที่โดดเด่น คือ การเป็น “บิดาแห่งสัตววิทยา”
อริสโตเติลเกิดที่สตายิรา (Stagira) ในแคว้นมาซิโดเนีย (Macedonia)
ประเทศกรีซเมื่อ 384 ปี ก่อนคริสตกาล
บิดาเป็นแพทย์ประจำราชสำนักพระเจ้าอามินทาสที่ 2 (King Amintas II)
เนื่องจากเป็นบิดาเป็นแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ทำให้อริสโตเติลในวัยเยาว์ได้
ร่ำเรียนสรีรศาสตร์และสัตวศาสตร์จากบิดา เมื่ออายุ 18 ปี
เขาไปศึกษาอยู่กับเพลโต (Plato)ที่กรุงเอเธนส์ (Athens) กระทั่งอายุ 38 ปี
อาจารย์ได้ถึงแก่กรรมอริสโตเติลคิดว่า จะได้รับตำแหน่งหน้าที่การสอนแทน
แต่ตรงกันข้าม กลับเป็นเซโนกราติส (Zenocrates) ที่ได้รับต่อมาเป็นเวลา 25
ปี
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้อริสโตเติลน้อยใจกลับไปยังแคว้นมาซิโดเนียบ้านเกิดแล้ว
ตั้งตนเป็นอาจารย์สอนหนังสือเพื่อเผยแพร่ทฤษฎีของตน
จนกระทั่งพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great)
พระโอรสของพระเข้าฟิลิปส์ที่ 2 (King Philip
II)เสด็จขึ้นครองราชย์ในมาซิโดเนีย
อริสโตเติลก็กลับมายังกรุงเอเธนส์อีกครั้ง
และยกบ้านของตนให้เป็นโรงเรียนเรียกว่า ไลเซียม (Lyceum)
อริสโตเติลจัดตั้งโรงเรียนสอนวิชาปรัชญาซึ่งมีการแลกเปลี่ยนทรรศนะระหว่าง
ลูกศิษยืกับอาจารย์ขึ้น
ความสามารถอันเอกอุของอริสโตเติลนั้นเห็นจะเป็นตำราที่บันทึกเรื่องราว
จากการศึกษาและสังเกตความเป็นไปของสัตว์ต่างๆที่เกาะแห่งหนึ่งเป็นเวลา
มากกว่าสองปี และรวบรวมเป็นหนังสือได้กว่า 20 เล่ม
เป็นบันทึกรายละเอียดชีวิตสัตว์กว่า 540 ชนิดทำให้เขาได้รับฉายา
“บิดาแห่งสัตววิทยา” หนังสือของเขาที่แปลเป็นภาษาละตินมีสี่เรื่อง กล่าวคือ
สิ่งมีชีวิตทั่วไป (De anima) ประวัติความเป็นมาของสัตว์ (De Historia
animalium) วงจรชีวิตสัตว์ (De generation snimslium)
และอวัยวัต่างๆของสัตว์ (De Partibus animalium)
อริสโตเติลเป็นผู้ริเริ่มจำแนกสรรพสัตว์ออกป็นหมวดหมู่
และแบ่งสัตว์ออกเป็นสองพวก คือ สัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง (Vertebrates)
ซึ่งมีเลือดสีแดง เช่น คนวาฬ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน
กับสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง (Lnvertebrates)
มีทั้งพวกที่มีเลือดที่มีสีแดงและไม่มีสีแดง
นอกจากนี้
อริสโตเติลยังได้รับการยกย่องว่าเป็นนักปราชญ์ชั้นเยี่ยมในสาขาวิชาที่กล่าว
ถึงความรู้ของความจริงที่สุดแห่งสรรพสิ่งซึ่งมีอยู่ทั่วจักรวาล มี 5 วิชา
ได้แก่ ศาสนา รัฐประศาสนศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วรรณกรรม และศิลปกรรม
ไม่ว่าจะจับวิชาไหน อริสโตเติลต้องเป็นเจ้าของไปทั้งหมด
ทั้ฝเป็นผู้วางกฏต่างๆมากมาย
คนที่ได้รับการศึกษาจากบุคคลผู้นี้จะเปี่ยมด้วยศรัทธา
และผู้คนจะฟังคำพูดของเขาราวกับเขาเป็นพระเจ้าตรัส
ในด้านดาราศาสตร์ อริสโตเติลได้แนวความคิดจากเพลโต ผู้เป็นอาจารย์
ส่วนเพลโตเองเป็นศิษย์ของโสเครติส (Socrates) ซึงทั้งสามท่านถือว่า
เป็นเจ้าปรัชญาในกรีก อริสโตเติลเขียนตำราไว้มากมาย
เขาพยายามสร้างตำราที่รวบรวมสรรพวิทยาการซึ่งเรียกกันในปัจจุบันว่า
“สารานุกรม” นั่นเอง ตำราเล่มสำคัญคือ ตรรกวิทยา จรรยาการเมือง
ธรรมชาติวิทยา และเรื่องวิญญาณ อริสโตเติลยืนยันว่า ธาตุต้องมีอยู่เสมอ
และความคิดที่จะละเลยหรือละทิ้งการมีอยู่จริงของธาตุเป็นความคิดที่ผิด
อริสโตเติลยอมรับว่ามีธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม และไฟ
ก่อนจะเสนอธาตุอีเธอร์ เป็นส่วนประกอบของท้องฟ้า
ที่เขากล่าวเช่นนี้ก็เพราะเชื่อคำพูดของปิทาโกรัส (Pythagoras)
ที่ว่าสิ่งที่อยู่บนพื้นดินเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
แต่ท้องฟ้าและจักรวาลไม่เปลี่ยนแปลง
ธาตุทั้งห้าพยายามจะกลับไปอยู่ที่เดิมของมัน เช่น ไฟก็ต้องอยู่บนท้องฟ้า
มันจึงพยายามลุกลามสูงขึ้นเสมอส่วนธาตุดินอยู่ด้านล่าง
จึงเอาแต่หล่นสู่พื้นดินอยู่ร่ำไป
ยิ่งใหญ่หรือยิ่งหนักมากเท่าใดก็ยิ่งตกเร็วเท่านั้น
อริสโตเติลได้คิดทฤษฎีว่า
“ถ้าลูกกลมสองลูกประกอบกันขึ้นด้วยวัตถุชาติอย่างเดียวกัน
แม้ลูกหนึ่งใหญ่และอีกลูกหนึ่งเล็ก ถ้าหากทิ้งลงสู่พื้นดินพร้อมกัน
ลูกใหญ่จะถึงก่อนเสมอ และถ้าใหญ่ถึงสิบเท่าก็จะลงพื้นไว้สิบเท่าเช่นกัน”
ต่อมากาลิเลโอนักวิทยาศาสตร์รุ่นหลังได้หักล้างทฤษีของอริสโตเติล
และพิสูจน์ว่า ไม่เป็นความจริง เพราะลูกใหญ่กับลูกเล็กถึงพร้อมกันเสมอ
นี่ไม่ใช่ทฤษีเดียวเท่านั้นยังมีอีกหลายทฤษฎีเช่นกัน
กระนั้นก็ดี ใครที่มีแนวคิดหักล้างความคิดของอริสโตเติลนั้น ผลที่ได้
คือการถูกทำร้ายทั้งที่กาลเวลาผ่านไปนานหลายศตวรรษ เช่น
ฮรูโน(Bruno)ซึ่งอ้างว่ากฏของอริสโตเติลผิด
เป็นเหตุให้ตัวเขาถูกประหารชีวิต กาลิเลโอก็เช่นกันที่เกือบจะโดนเผาทั้ง
เป็น
อย่างไรก็ตามความเลื่อมใสของอริสโตเติลนั้นค่อยๆหมดไปตามกาลเวลา
พร้อมกับการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชบวกกับการที่อริสโตเติ
ลบวกความอิจฉาริษยาและถูกใส่ร้ายป้ายสีไม่ไหว
ทำให้เขาถูกเนรเทศตัวเองไปอยู่ในเขตเมืองกาลาส (Chalas) และถึงแก่กรรมเมื่อ
322 ปีก่อนคริสต์ศักราชรวมอายุได้ 62 ปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น